เมื่อเริ่มเข้าใจและสนุกกับการไปแคมป์ปิ้งแล้วสิ่งถัดที่เหล่านักแคมป์ปิ้งทำคงจหนีไม่พ้นการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ด้วยอุปกรณ์แคมป์ปิ้งมีหลากหลายและต้องเตรียมหลายอย่างวันนี้เลยมีทริคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มหัดไปแคมป์ปิ้งได้ลองทำตามกันดู เพื่อให้ได้อุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่ต้องการครบถ้วนและคุ้มค่ามากที่สุด
ทริคเลือกซื้อและเลือกใช้อุปกรณ์แคมป์ปิ้งให้คุ้มค่า
1.สำรวจและตรวจสอบว่าในการออกทริปครั้งนี้ต้องใช้อะไรบ้าง
เมื่อกำหนดการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงการคำนวณว่าต้องการใช้อุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่จำเป็นต้องใช้ในทริปนี้ประกอบด้วยอะไรบ้างมีบริมาณเท่าไหร่ ตรวจสอบมาให้หมดเผื่อกันการตกหล่น และจะได้ประมาณการณ์คร่าวๆ ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ได้อีกด้วย
2.จำแนกสิ่งของและอุปกณณ์แคมป์ปิ้งที่ต้องการใช้ออกเป็นหมดหมู่
เพื่อ่ให้ง่ายต่อการตรวจเช็คจัดสิ่งของที่ต้องการออกเป็นหมวดหมู่ และสังเกตุดูว่ามีสิ่งไหนสามารถทดทนอุปกรณ์แคมป์ปิ้งหรือสิ่งของที่เราต้องการใช้ได้มั้ย ไม่ต้องซื้อใหม่ทั้งหมด นอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ยังไม่ต้องสั่งของมาให้ค้างเพิ่มเติมอีกด้วย
3.เปรียบเทียบคุณภาพของอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อควรพิจารณาว่าของเหล่านั้นมีคุณสมบัติตามที่เราต้องการหรือไม่ เปรียบเทียบสินค้าหลากหลายหี่ห้อเพื่อหาอันที่ดีที่สุด
4.ตรวจสอบวัสดุที่ใช้และการรับประกันสินค้า
นอกจากคุณสมบัติต่างๆที่ต้องการแล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรตรวจสอบให้ละเอียดก็คือวัสดุที่นำมาผลิตทนทานหรือไม่ จะส่งผลอันตรายกับเราและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ รวมไปถึงต้องดูการรับประกันของสินค้านั้นๆ อีกด้วยเพื่อปกป้องสิทธิและเพื่อหาสินค้าที่ดีสำหรับเราที่สุด
5.ราคาของสินค้า
ราคาของสินค้าและอุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่ซื้อต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสม ไม่ถูกเกินไป หรือแพงจนเกินไปคุณภาพต้องเหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป
คุณสมบัติร้านค้าอุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่ดี
1.ร้านค้ามีของเกี่นวกับการแคมป์ปิ้งครบครัน
เพราะร้านค้าที่มีของที่ต้องการจะซื้อครบครันจะทำให้ไม่ต้องไปตามหาสินค้าหลายๆร้าน เปลืองทั้งน้ำมันและทรัพยากรอื่นๆอีกด้วย อีกประการหนึ่งหากซื้อของที่เดียวกันหากเกิดปัญหาก็สามารถนำมาที่เดียวกันได้เลยไม่ต้องไปหลายที่ให้ยุ่งยาก
2.ร้านค้ามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์แคมป์ปิ้งเป็นอย่างดี
เพราะเมื่อร้านค้ามีคววามรู้ความเข้าใจเรื่องอุปกรณ์ที่ขายเป็นอย่างดี จะสามารถกาสิ่งของที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถให้คำปรึกษาหากเรามีข้อสงสัยเกี่ยวกับสินค้าชิ้นนั้นๆ อีกด้วย
3.ให้อิสระลูกค้าในการตัดสินใจ
ถึงแม้ร้านค้าจะแนะนำและให้ข้อมูลต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการกับลูกค้าไปแล้ว ร้านค้าที่ดีจะยอมรับการตัดสินใจของลูกค้าไม่ว่าลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าแบบไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ละเลยที่จะเน้นย้ำและอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจในตัวสินค้าที่ลูกค้าซื้อไปให้ชัดเจน
4.มีบริการหลังการขายที่ดี
ถ้าหากสินค้าที่ซื้อไปมีประกันสินค้าแล้วเกิดสินค้าชำรุดเสียหาย ร้านค้าที่ดีควรรีบให้ความช่วยเหลือลูกค้าเกี่ยวกับการส่งเคลมให้ไวที่สุด ถ้าหากเป็นสินค้าที่ไม่มีการรับประกัน ร้านค้าที่ดีก็ควรให้คำปรึกษาเท่าที่ทำได้ พร้อมเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้ลูกค้าได้