โรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกที่หลายๆคนสนใจในการผลิตไฟฟ้านั้นก็คือพลังงานที่ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมของเราเสียหาย รวมไปถึงกระบวนการผลิตไม่ทำให้เกิดมลภาวะ การกำจัดของเสียจากการผลิตไฟฟ้าเองก็ไม่เกิดก๊าซที่เป็นต้นเหตุทำให้โลกร้อน อาจจะกล่าวได้ว่าพลังงานสะอาดกลายเป็นหนึ่งในความต้องการของหลายๆคนเพื่อที่จะช่วยกู้วิกฤตโลกร้อนนั่นเอง พลังงานสะอาดเองก็ไม่แตกต่างกับพลังงานทางเลือก ซึ่งพลังงานทางเลือกนี้จะใช้ในการทดแทนแก๊สธรรมชาติซึ่งมีแต่จะหมดไปในแต่ละวัน อีกทั้งยังทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และทำลายเรือนกระจกอีกด้วย   อะไรคือหลักการทำงานของพลังงานทดแทน   หลายๆคนอาจสงสัยว่าพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกใช้ได้กี่รูปแบบกันแน่ ขอตอบว่าการนำไปใช้โดยตรงสามารถใช้ได้จากพลังงานความร้อน ยกตัวอย่างง่ายๆคือพลังงานดวงอาทิตย์ที่เรามักจะเอาไปถนอมอาหาร หรือบางคนที่ใช้พลังงานลมในการแล่นเรือใบ แต่ว่าการใช้แบบโดยอ้อมหรือใช้ 2 กระบวนการก็มีเช่นกันนั่นก็คือการทำงานโดยเอาไปผลิตเป็นไฟฟ้านั่นเอง   ประเภทของพลังงานทดแทน  1.ใช้น้ำ   สำหรับพลังงานน้ำจัดได้ว่าเป็นพลังงานทางเลือกโดยเราจะอาศัยการไหลของน้ำเรียกการผลิตไฟฟ้าแบบนี้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ อย่างไรก็ดีการขึ้นลงของคลื่นหรือการหมุนของกังหันเพื่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น อาจกล่าวได้ว่าหลายๆประเทศในปัจจุบันมีการใช้พลังงานน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นการเข้าถึงพลังงานสะอาดที่ง่ายดายมากที่สุด   2.ใช้ลม  พลังงานลมเองก็เป็นหนึ่งในพลังงานสะอาดที่นำไปใช้งานได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่งอาศัยการที่เปลี่ยนพลังงานลมไปเป็นพลังงานกลเพื่อให้เครื่องผลิตไฟฟ้าทำงานได้เป็นอย่างดี พลังงานลมเป็นพลังงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างหนึ่งและเติบโตได้อย่างรวดเร็วในหลายๆประเทศ เนื่องจากว่าลมเป็นของที่สามารถมีได้ตลอดทั้งปีนั่นเอง   3.ใช้แสงอาทิตย์  การใช้แสงอาทิตย์คือการใช้รังสีและความร้อนอันแผ่มาจากแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นทางเลือกที่สะอาดและได้รับการรู้จักเป็นอย่างดีมากที่สุด โดยเราสามารถนำพลังงานนี้ไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรงหรือจะเปลี่ยนรูปให้อยู่ในพลังงานไฟฟ้าก็ได้เช่นกัน จัดเป็นอีกหนึ่งประเภทของโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก  4.

เมื่อเริ่มเข้าใจและสนุกกับการไปแคมป์ปิ้งแล้วสิ่งถัดที่เหล่านักแคมป์ปิ้งทำคงจหนีไม่พ้นการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ด้วยอุปกรณ์แคมป์ปิ้งมีหลากหลายและต้องเตรียมหลายอย่างวันนี้เลยมีทริคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มหัดไปแคมป์ปิ้งได้ลองทำตามกันดู เพื่อให้ได้อุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่ต้องการครบถ้วนและคุ้มค่ามากที่สุด  ทริคเลือกซื้อและเลือกใช้อุปกรณ์แคมป์ปิ้งให้คุ้มค่า 1.สำรวจและตรวจสอบว่าในการออกทริปครั้งนี้ต้องใช้อะไรบ้าง  เมื่อกำหนดการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงการคำนวณว่าต้องการใช้อุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่จำเป็นต้องใช้ในทริปนี้ประกอบด้วยอะไรบ้างมีบริมาณเท่าไหร่ ตรวจสอบมาให้หมดเผื่อกันการตกหล่น และจะได้ประมาณการณ์คร่าวๆ ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ได้อีกด้วย  2.จำแนกสิ่งของและอุปกณณ์แคมป์ปิ้งที่ต้องการใช้ออกเป็นหมดหมู่  เพื่อ่ให้ง่ายต่อการตรวจเช็คจัดสิ่งของที่ต้องการออกเป็นหมวดหมู่ และสังเกตุดูว่ามีสิ่งไหนสามารถทดทนอุปกรณ์แคมป์ปิ้งหรือสิ่งของที่เราต้องการใช้ได้มั้ย ไม่ต้องซื้อใหม่ทั้งหมด นอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ยังไม่ต้องสั่งของมาให้ค้างเพิ่มเติมอีกด้วย  3.เปรียบเทียบคุณภาพของอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง   ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อควรพิจารณาว่าของเหล่านั้นมีคุณสมบัติตามที่เราต้องการหรือไม่ เปรียบเทียบสินค้าหลากหลายหี่ห้อเพื่อหาอันที่ดีที่สุด  4.ตรวจสอบวัสดุที่ใช้และการรับประกันสินค้า  นอกจากคุณสมบัติต่างๆที่ต้องการแล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรตรวจสอบให้ละเอียดก็คือวัสดุที่นำมาผลิตทนทานหรือไม่ จะส่งผลอันตรายกับเราและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ รวมไปถึงต้องดูการรับประกันของสินค้านั้นๆ อีกด้วยเพื่อปกป้องสิทธิและเพื่อหาสินค้าที่ดีสำหรับเราที่สุด  5.ราคาของสินค้า  ราคาของสินค้าและอุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่ซื้อต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสม

ความฝันอันสูงสุดอย่างหนึ่งที่ทุกคนอยากจะมีเหมือนกัน นั่นก็คืออยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการ สร้างบ้าน การอยู่คอนโด หรือว่าซื้อบ้านก็ตาม ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการสร้างบ้านก่อน เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ชิดมากที่สุด มีหลายคนสงสัยว่าระหว่างการสร้างเองกับซื้อบ้านที่เสร็จแล้ว อย่างเช่นบ้านจัดสรร แบบไหนดีกว่ากัน แตกต่างกันยังไง   ความแตกต่างของการซื้อบ้านกับการสร้างบ้าน  เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นความแตกต่าง เราจึงยกตัวอย่างมาให้ทุกท่านได้ดูกันดังนี้  การซื้อบ้าน  เป็นการซื้อบ้านที่ทางโครงการทำเอาเสร็จอยู่แล้ว ซึ่งตัวของผู้ซื้อไม่สามารถกำหนดอะไรด้วยตัวเองได้เลย บ้านที่ซื้อจะเป็นบ้านที่ทางเจ้าของโครงการ และทางบริษัทเป็นคนออกแบบทั้งหมด เพราะฉะนั้นของบางสิ่งอย่างในบ้าน ก็อาจจะไม่ถูกใจบางท่านก็ได้ และอีกเรื่องก็คือสถานที่ตั้งของบ้าน เราก็ไม่สามารถกำหนดได้เหมือนกันว่าจะให้สร้างที่ไหนอย่างไร บางทีบ้านสวยก็จริง แต่ว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เราต้องการ อันนี้ก็เรียกว่าเป็นปัญหาได้เหมือนกัน   การสร้างบ้าน  ทุกสิ่งทุกอย่างเราดำเนินการเองทั้งหมด